30 กย. 2560 Audax200 อัมพวา

ทีมบางมดเกือบ 20 คนร่วมปั่น Audax200 อัมพวา เส้นทาง นครปฐม-อัมพวา-นครปฐม ระยะทางรวม 200 กม. ทริปนี้จัดขึ้นวันที่ 30 กย. 2560 ส่วนตัวผมเคยปั่นผ่านระยะ 200 โลมาแล้ว คือกรุงเทพ-หัวหิน แต่ไม่เคยปั่น Audax มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร จึงขออนุญาตบันทึกเรื่องราว เผื่อนักปั่น Audax หน้าใหม่มาอ่าน ก็อาจเป็นประโชน์ไม่มากก็น้อย

เริ่มต้นจากการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมหน้าเว็บ Audax Thailand ค่าสมัคร 200 บาท ชำระแบบบัตรเครดิตผ่านเพพาลก็ได้หรือโอนเงินผ่านธนาคารก็ได้ รายละเอียด วิธีการ ก็เข้าไปดูเองนะครับ ทริปนี้มีคนสมัครทั้งหมด 405 ท่าน (ตัวเลขหลังปิดการรับสมัคร) ในหน้าเวปมีให้โหลดไฟล์ .gpx ใช้เป็นไฟล์นำทางของการ์มิน มีให้โหลด cuesheetและรูปแผนที่ของกูเกิลแมพ

ตัวอย่าง cue sheet

ลักษณะการปั่นของ Audax ท่านที่ไม่เคยมา ต้องศึกษาแผนที่ ศึกษาเส้น เงื่อนไขจุด check point ต่างๆให้ดีนะครับ ไม่มีมาแชล ไม่มีรถช่วยเหลือ ไม่มีป้ายบอกทาง ห้ามรถติดตาม ไม่มีคนกั้นรถตามแยกต่างๆให้ การไปถึงจุด check point ต่างๆต้องถึงตามเวลาที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นการออกจากการแข่งขัน

จุดสตาร์ทอยู่ที่วัดลานตากฟ้า นครปฐม เราไปรายงานตัวกับ จนท. แล้วได้รับใบ Brevet + cue sheet ในซองพลาสติกกันน้ำคนละ 1 ชุด เจ้าใบ Brevet นี้เจ้าหน้าที่จะประทับตราจุดแรกมาให้เราเลย

ใบ Brevet อย่าทำหายนะครับ ต้องแสดงให้ จนท. ที่จุด check point ต่างๆ

 ออกตัว 7.00 น. ตรงเป๊ะ เลี้ยวขวาถนนใหญ่หน้าวัดก็ไม่มีจนท.มาโบกรถแล้ว ไม่เหมือนงานจักรยานอื่นๆ แต่นี่เป็นลักษณะของการปั่น Audax ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ท่านต้องดูแลตัวเอง ทีมเราปั่นออกมาไม่ถึง 5 กิโล เพื่อนก็ยางแตกซะแล้ว นั่งเปลี่ยนกันอยู่ 15 นาที

ยางแตกครั้งที่ 1

ระหว่างทางจนจบทริปผมสังเกตุเห็นเพื่อนจักรยานท่านอื่น ยางแบนนั่งเปลี่ยนยางกันระนาว เข้าใจว่าระยะทางไกล หลายเส้นทางไม่ค่อยมีจักรยานปั่นบ่อยๆ ขอบทางมีเศษแก้วเยอะ ไม่เหมือนถนนที่มีจักรยานบ่อยๆ เศษแก้วจะน้อยกว่า (ประมาณว่ามีการปั่นทุกวัน กวาดเศษแก้วไปหมดแล้ว) ปั่นมาได้ 20-30 โล ฝนเทลงมาค่อนข้างหนัก เราหลับฝนอยู่ราว 5 นาที เห็นเพื่อนจักรยานไม่มีใครหยุดหลบฝนกัน สงสัยกลัวไปไม่ทันเวลาจุด check point เราก็เลยออกปั่นด้วย เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ

หลบฝน

ปั่นตากฝนอยู่ราวครึ่ง ชม. ฝนก็หยุดตก เรามาถึงจุด check point แรก ระยะ 52.8 กม. ที่วัดใหญ่นครชุมน์ เวลา 9.49 น. (เงื่อนไขต้องมาถึงไม่เกิน 10.30 น.) ที่จุดนี้มี จนท. คอยสแตมป์เวลาให้ มีน้ำเปล่าให้เติมมีข้าวเหนียวสังขยาถุงเล็กๆแจกให้ มีคนขายของอยู่ 2-3 ร้าน เข้าใจว่าเป็นคนที่ตามกิจกรรมของชาวจักรยานและมาตั้งโต๊ะขายที่จุด check point ไม่ใช่ร้านท้องถิ่น อาหารที่ขายก็โอเคอยู่นะครับ มีแซนวิช สปอนเซอร์ กาแฟร้อน-เย็น กล้วยหอม น้ำเปล่า เป๊ปซี่ อันนี้เล่าให้ฟังสำหรับท่านที่กังวลเรื่องอาหาร เพราะจุด check point ต่างๆปกติ ไม่น่าจะมีร้านค้าอยู่

จุด check point 1 วัดใหญ่นครชุมน์ มากันครบ

ออกปั่นต่อตามทางสายรอง วกไปวนมา หักศอกบ้าง กลับรถบ้าง บางเส้นทางก็เล็กจนไม่น่าจะมีรถยนต์ผ่านนอกจากมอเตอร์ไซค์กับจักรยาน ไม่รู้ผู้จัดไปสรรหาเส้นทางมาได้อย่างไร พวกเราและนักปั่นท่านอื่นๆ หลงทางจนเป็นเรื่องปกติ การปั่นต้องอาศัยไฟล์นำทางของไมล์การ์มิน (หรืออื่นๆ)ขืนมานั่งดู cue sheet ไปไม่ถึงไหนกันพอดี มันก็สนุกไปอีกแบบ เหมือนผจญภัย ค้นหาอะไรเทือกนั้น คนไม่ชอบก็คงไม่ชอบไปเลย แต่เราไปกันหลายคน ช่วยกันดูทาง หลงไปมา นิดๆหน่อยก็กลับสู่เส้นทางเดิมได้

เรามาถึง check point ที่สอง วัดพระแม่บังเกิด อำเภอบางคนที เป็นระยะทาง 97.5 กม. เรามาถึงเวลา 11.54 น. (เงื่อนไข ต้องมาก่อน 13.30 น.) ที่ check point นี้ มีน้ำให้เติมแล้วก็มีแตงโมกับกล้วยให้กิน มีกล้วยที่แขวนตามต้นไม้ให้ไปเดินหยิบกินเอง ผมชอบไอเดียนี้ เพราะไม่ต้องยืนเบียดกัน แค่ไปยืนเด็ดตามต้นไม้เอา เราพักที่นี่นานหน่อย ราว 15 นาที ถอดถุงเท้ารองเท้าที่เปียกออกมาผึ่งแดด

สแตมป์บัตรแล้วก็มานั่งพักกัน

กล้วยแขวนตามต้นไม้ คนกระจายกันไปเด็ด ไม่ต้องไปออที่เดียวกัน

เจ้าหน้าที่สาวสวยของอำเภอบางคนที มาถ่ายรูปกิจกรรมลงเว็บไซต์ของอำเภอ

ราวเที่ยง 12.15 เราออกเดินทางต่อ แล้วหาร้านอาหารที่ไม่ห่างจากจุด check point เราแบ่งกันไปกิน 3 ร้าน จะได้ไม่รอนาน ผมแวะร้านอาหารตามสั่ง ด้วยความหิว ผมหยิบห่อหมกน่าจะเป็นปลาช่อน อันละ 15 บาท ผมไม่รอแม่ค้า ตักข้าวเปล่าเองจานละ 10 บาท กินอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่แห้ง ชามละ 20 บาท การกินเยอะจนอิ่มแปล้สร้างปัญหาให้ผมหนักหน่วงในการปั่น อีก 2-3 ชม.ถัดมา อิ่มจนจุก+ปั่นต่อเนื่อง ทำให้ผมมีอาการย่อยไม่ทัน อยากอาเจียน แสบหน้าอกมีอาการกรดไหลย้อน ไมมีแรงปั่น ไม่มีความสุข การปั่นทางไกลน่าจะกินแต่พอดีนะครับ

จุด check point ที่ 3 อยู่ที่ระยะ 149.5 กม.ที่วัดมะขาม ต.คุ้งพยอม แต่ก่อนมาถึงจุดนี้ มี secret control ด้วยนะครับ คล้ายๆจุด checkpoint ลับ แค่สแตมป์เฉยๆ ไม่ลงเวลา แต่เป็นเงื่อนไขของการจบการแข่งขัน ถ้าให้เดาก็เหมือนกับบังคับนักปั่นให้ผ่านทางนี้ ไม่ไปทางลัดประมาณนั้น เรามาถึงจุด checkpoint 3 นี้ที่เวลา 16.15 (เงื่อนไขไม่เกิน 17.00) เหมือนเดิมมีคนขายของเฉพาะกิจ ที่ชอบมากคือกาแฟร้อน-เย็น ทางผู้จัดเตรียมน้ำให้ พร้อมขนมหวานถ้วยเล็กๆ เรานั่งพัก+ถ่ายรูปราว 15 นาที แต่ละคนเริ่มอ่อนล้า ตัวผมเองน่องขวามีอาการตุ๊บๆ เหมือนจะเป็นตะคริวตั้งนานแล้ว

วัดมะขาม จุด check point 3

ขนมหวานที่ผู้จัดเตรียมให้

เราออกเดินทางต่อ ราวชั่วโมงกว่าพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า อาการท้องอืดหายไปแล้ว อาการจะเป็นตะคริวทุเลาลงหายไปกับแดด เราปั่นมาถึง กม 178.5 ถึงร้าน CJ Express (คล้ายเซเว่นอีเลฟเว่น) ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งของการจบทริป ทุกคนต้องเข้าไปซื้อสินค้าแล้วเอาใบเสร็จไปโชว์ ผู้จัดที่เส้นชัยด้วย ผมชอบไอเดียนี้มากๆ ผู้จัดสามารถควบคุมเส้นทางของนักปั่น (ได้ระดับหนึ่ง) โดยไม่ต้องเสียคนมานั่งดูนั่งสแตมป์บัตร แถมกระจายรายได้ลงท้องถิ่นด้วย โคตรฉลาด ที่ร้าน CJ Express นี้ ฟ้ามืดแล้ว ทุกคนต้องเปิดไฟหน้า-หลัง เหลือระยะทางอีก 25 กม. จะถึงเส้นชัย เราต้องปั่นผ่านตัวเมือง เบียดกับรถที่ขับกันขวักไขว่ จน 10 กม.สุดท้าย ถนนถึงจะโล่ง พวกเราปั่นกันเร็วมากขึ้นยิ่งดึกยิ่งคึก จน 5 กม.สุดท้าย มีการยิงกันด้วยความเร็ว 40 กม./ชม. เป็นที่สนุกสนาน ก่อนจบทริป

ลงชื่อปั่นจบ ใครอยากได้เหรียญ Audax จ่ายเงืน 350 บาท รอ2 เดือน รับเหรียญ

ทีมเราจบในเวลาทุกคน

ระยะรวม 202.48 กม.

ใบ Brevet ด้านหน้า

ใบ Brevet ด้านหลัง

สุดท้าย ขออนุญาตแนะนำคนที่จะมาปั่น Audax ครั้งแรกนะครับ มือใหม่ไม่ควรมานะครับ ยกเว้นตามเพื่อนร่วมทีมมา ไมล์พวก การ์มิน ไบรตัน วาฮู ที่ใส่ไฟล์นำทางสำคัญมากและช่วยได้เยอะ อย่าหวังพึ่ง cuesheet นะครับ บรรลัยเลย ไม่มีคนดูแล ไม่มีรถเซอร์วิส มาคนเดียวต้องปะยาง เปลี่ยนยางเองเป็น แก้ไขปัญหาจักรยานเบื้องต้นได้ ลักษณะการปั่น Audax ออกชิวๆ ไม่ยิงกันกระจาย แค่ถึงจุด check point ตามเวลาที่กำหนด ปั่นชิวแต่ไม่สบายนะครับ บอกเลย ส่วนตัวโอเคกับ Audax ครับ ปีหน้าจะลองไป 300 โลดูบ้าง สวัสดีครับ